SHATAVARI / รากสามสิบ / สาวร้อยผัว

ศตวรี / รากสามสิบ
สิ่งประกอบสำคัญของยาบำรุงสตรีจากธรรมชาติ มายาวนานนับพันปี จนปัจุบันกลับถูกลืมลืนและแทนที่ด้วยสารเคมี ที่ออกฤทธิ์ฉับพลันแฝงด้วยสิ่งอันตราย
ในทางกลับกัน รากสามสิบ ให้ผลลัพท์ที่ช้า แต่ยั้งยืนและปลอดภัย และช่วยให้ร่างกายปรับสภาพความสมดุล ของร่างกายได้ด้วยตัวเอง มากกว่าการออกฤทธิ์ด้วยสารเคมี

รากสามสิบใน พระคัมภีร์วรโยคสาร


พระคัมภีร์วรโยคสารซึ่ง อมรเสกมหาอำมาตย์เสนาบดีแห่งลังกาทวีป เป็นผู้รจนาไว้ (มาปรากฏหลักฐานในไทยครั้งแรกในปี พ.ศ. 2413 สมัย ร. 5) ในหนั้งสือ พระคัมภีร์เวชศาสตร์สงเคราะห์เป็นตำราการแพทย์ที่ได้รับอิทธิพลมาจากพระคัมภีร์ในพระพุทธศาสนาหรือพระไตรปิฎก (ที่เรียกการรักษาโรคว่า ติกิจฉาวิธี”-เวชกรรม) แม้จะเข้าใจค่อนข้างยาก แต่ก็น่าสนใจและน่าศึกษา ความตอนหนึ่งได้กล่าวถึงตำรับยารักษา คนธาตุหย่อนอันมีตัวยารากสามสิบ (สะตาวะริ) รวมอยู่ด้วย ดังนี้
มะหาแกแนศ 1 สิหิงแกะแนศ 1 อมุกกะรา 1 มะหาแกสิยา 1 พะลา คือ ขัดมอน 1 เลละสิริแวะฑียะ 1 เอระมินิยะ คือ เล็บเหยี่ยว 1 อัศเวนนะ คือ หญ้าเกล็ดหอย 1 วะจา คือ ว่านน้ำ 1 นิหิสุปะละ 1 พิละวะ คือ มะตูม 1 หิริมะสุ, ระมะนิ คือรากอบเชย 1 กิริอัคุนะ 1 แอะแทสิยะปะลุ 1 มุตุนุแวนนะ คือ ผักเปด 1 อะมะตะวัลลี คือ บอระเพ็ด 1 สะตาวะริ คือ รากสามสิบ 1 โคอุระ คือ โคกกระสุน 1 นิระละ 1 สุลุแกระ คือ หญ้าคมบางเล็ก 1 กัฏฐเวละพฏุ คือ มะเขือหนาม 1 ตะฑะพุทุ 1 เหละพฏุ คือ มะเขือขาว 1 มะธุลัฐิ คือ ชะเอม 1 มิทิ คือ คนทีสอใหญ่ 1 คณะดังกล่าวมานี้ให้จำเริญชีวิต ให้เกิดกำลัง ให้บำรุงไฟธาตุ ให้จำเริญอิทรีย์แต่ละอย่างมีกำลังมากต่างกัน กินเข้าไปแล้วหาโทษมิได้ ให้เอาน้ำตาลกรวด น้ำผึ้ง น้ำนมโค น้ำมันเนย ทั้ง 4 สิ่งนี้ สิ่งใดสิ่งหนึ่ง เปนกระสายละลายยา สิ่งหนึ่งก็ได้ 2 สิ่งก็ได้ ทั้งหมดก็ได้ เด็กก็ดี คนแก่ก็ดี คนมีกำลังก็ดี คนผอมก็ดี คนไม่มีกำลังก็ดี คนธาตุหย่อนก็ดี ให้ประกอบยานี้กินเถิด
อนึ่ง กินแล้วให้บังเกิดบุตร ให้อกตอแค่นแขงทั้ง 4 มีกำลัง ถึงกระดูกหักก็ดี แพทย์ก็นับถือรักษาด้วยยานี้เถิด

ยาตำรับนี้นับว่าน่าสนใจ เสียดายแต่เพียงว่า ท่านผู้รู้ยุคก่อนท่านแปลมาไม่ครบสมุนไพรหลายตัวเราไม่ทราบว่าเป็นอะไร อาจจะเป็นด้วยสมุนไพรชนิดนั้น ๆ ไม่มีในประเทศไทย หรือหากมีท่านผู้แปลก็ไม่ทราบว่าเป็นตัวยาตัวไหนก็อาจจะเป็นได้ แต่อย่างน้อยเราก็ได้ทราบถึงสรรพคุณของสมุนไพรหลายตัวด้วยกัน เช่น หญ้าขัดมอน ต้นเล็บเหยี่ยว หญ้าเกล็ดหอย ว่านน้ำ มะตูม รากอบเชย ผักเป็ด บอระเพ็ด รากสามสิบ หญ้าคมบาง และโกศจุฬาลำพา เป็นต้น

อีกตำรับหนึ่งเป็นยาแก้โรคผอมแห้ง โรคลม และแก้หอบหืด มีด้วยกัน 20 อย่าง ได้แก่ หญ้าเกล็ดหอยใหญ่ 1 ผักโหมหินเล็ก 1 ผักโหมหินใหญ่ 1 ละหุ่งขาว 1 ละหุ่งแดง 1 ทองกวาว 1 อุสภะกะชิวกะ 1 โคกกระสุน 1 รากสามสิบ 1 ดองดึง 1 หัวเบ็ญจปัตตะ 1 วณะแวนนะ 1 มะขือหนาม 1 มะเขือเครือ 1 แอดสฏิยะ 1 พาสุลุ 1 เหละฑิยะ 1 (ถ้าไม่ได้ให้เอา มุแวนนะ มหาเหละฑิยะ ถ้าไม่ได้ เอามะละแวนนะ) อาจริยะกล่าวไว้ให้เอาสิ่งละ 40 กล่ำ ถั่วดำ 1 สะตือ 1 สวาด 1 ยาหมู่นี้แก้ผอมแห้ง แก้คุลุมโรค (โรคลมต่าง ๆ) ก็ได้ แก้ลม แก้หอบก็ได้ แก้ปิตตะก็ได้แล ฯลฯ

อีกขนานหนึ่งที่ได้จาก พระคัมภีร์วรโยคสาร” (ที่แปลมาจากตำราของชาวสิงหล) เป็นรากไม้ 17 อย่าง (รวมทั้งรากสิบและรากมะรุม) ได้แก่ สันพร้ามอน 1 ฏุกแวลังคุ 1 รากสามสิบ 1 มะตู 1 สิหิแมฑหังคุ 1 มะรุม 1 หญ้าคา 1 ดอกคำทั้ง 2 มะเขือขาว 1 มะเขือหนาม 1 ธารุสกะ คือ มะปราง1 นิยะทะ 1 ติดติคะ 1 (ถ้าไม่ได้เอาเกมิทะก็ได้) คนทีสอใหญ่ 1 สะค้าน 1 เจตมูลเพลิง 1 สะตือ 1 ยาดังกล่าวนี้ มีชือว่า วะระนาทิคณะ แก้อันตะวิทราโรค (โรคที่มีอาการเสียดแทงในลำไส้ใหญ่) แก้มันทาคินี แก้เสมหะ แก้คุลุมโรคหายแล ยาขนานนี้ให้เอาแต่รากทั้งหมด

ตำรับสุดท้ายที่ได้จากพระคัมภีร์วรโยคสาร ก็คือ ยาแก้เสมหะ มีสมุนไรพอยู่ 16 อย่างด้วยกัน ได้แก้ ทุรุวาทิคณะก็ดี 1 หญ้าแพรก 1 ตำแยเครือ 1 สะเดา 1 เสนียด 1 วัททุรุ 1 แห้วหมู 1 รากสามสิบ 1 กลิละ 1 ประยง 1 เอานิโครธาคณะก็ดี อุปะลาทิคณะก็ดี อัศษนาทิก็ดี สุระลาทิคณะก็ดี มุตตาทิคณะก็ดี วจาทิคณะก็ดี คณะทั้งหลายนี้ แก้เสมหะหายฯ

ที่ได้ยกเอาตำรับยา (ที่เข้าด้วยรากสามสิบ) มารวม 4 ตำรับนั้น เจตนาเพื่อให้ท่านได้เข้าใจถึงภูมิหลังความเป็นมาของสมุนไพรชนิดนี้ เพราะเราคงจะนำเอาตำรับยาดังกล่าวมาปรุงเป็นโอสถเพื่อใช้รับประทานไม่ได้ เนื่องจากเราไม่ทราบว่าตัวยาอีกหลายชื่อคือพืชชนิดใด (เพราะเป็นภาษาสิงหล หรืออาจจะเป็นภาษามคธของศรีลังกา)

ในตอนท้ายของตำรับยาตำรับที่ 2 คือยาแก้โรคผอมแห้งนั้น มีถ้อยคำที่น่าสนใจอยู่คำหนึ่งคือ คำว่า กล่ำท่านบอกว่า ให้เอาสิ่งละ “40 กล่ำซึ่งเป็นมาตราเงินโบราณ โดยกล่ำ ท่านหมายถึง มะกล่ำตาช้าง แต่หากเป็นกล่อม ท่านหมายถึง มำกล่ำตาหนู ซึ่ง 2 กล่อม จะเท่ากับ 1 กล่ำ แล 1 กล่ำ ก็คือ 1 อัฐ 8 อัฐ เท่ากับ 4 ไพ และเท่ากับ 1 เฟื้อง หรือ 2 อัฐ เท่ากับ 1 ไ นั่นเอง

ถ้าจะเอาตำรับยาที่เข้ารากสามสิบสองที่สมบูรณ์และนำมาใช้รับประทานเพื่อรักษาโรคได้จริง ๆ มี 1 ตำรับ คือ ยาต้มบำรุงครรภ์ หรือ ยารักษาครรภ์หรือ ยาครรภรักษาอีกทั้งเป็นยาแก้ปวดศีรษะอีกด้วย มีสมุนไพรทั้งหมด 13 ชนิด ใช้อย่างละเท่า ๆ กัน (เสมอภาร) ได้แก่ รากสามสิบ แก่นสน ชะลูด ขอนดอก กฤษณา กระลำพัก อบเชย เปลือกสมุลแว้ง เทียนทั้ง 5 บัวน้ำทั้ง 5 โกศทั้ง 5 จันทน์ทั้ง 4 และ เทพทาโร
นำยาทั้งหมดมาใส่ในหม้อเคลือบหรือหม้อดิน เติมน้ำลงไปให้ท่วมตัวยา สูงราว 6-7 เซนติเมตร ปล่อยแช่ไว้ราว ๆ 15 นาที แล้วนำขึ้นตั้งไฟอ่อน ๆ ต้มเคี่ยวนานราว 30 นาที น้ำยาเดือดและมีกลิ่นหอมจึงยกหม้อลงจากเตา ใช้ดื่ม 2 เวลา ก่อนอาหาร (เช้า-เย็น) เป็นยาบำรุงครรภ์อย่างดี