SHATAVARI / รากสามสิบ / สาวร้อยผัว

ศตวรี / รากสามสิบ
สิ่งประกอบสำคัญของยาบำรุงสตรีจากธรรมชาติ มายาวนานนับพันปี จนปัจุบันกลับถูกลืมลืนและแทนที่ด้วยสารเคมี ที่ออกฤทธิ์ฉับพลันแฝงด้วยสิ่งอันตราย
ในทางกลับกัน รากสามสิบ ให้ผลลัพท์ที่ช้า แต่ยั้งยืนและปลอดภัย และช่วยให้ร่างกายปรับสภาพความสมดุล ของร่างกายได้ด้วยตัวเอง มากกว่าการออกฤทธิ์ด้วยสารเคมี

การแปรรูปสมุนไพร


:: การสับยา ::
  เป็นการนำสมุนไพรสดหรือแห้งมาสับให้มีขนาดเล็กลง ให้พอเหมาะแก่การใช้ปรุงเป็นยา การสับยายังช่วยทำให้ยาสดที่เก็บมาผึ่งแห้งได้เร็ว ไม่ก่อให้เกิดเชื้อรา ยาที่มีปริมาณน้ำมากๆ ควรสับให้เป็นแผ่นบางๆ เพื่อให้ยาแห้งทันก่อนที่จะเกิดเชื้อรา
:: อุปกรณ์ที่ใช้ ::
๑. มีด และ เขียง สำหรับสับยา
๒. ถาดขนาดใหญ่ สำหรับใส่ยาที่สับแล้ว
๓. กระสอบป่านหรือผ้าใบ สำหรับปูรองรับยา
๔. ผ้านวม หรือ แผ่นยาง สำหรับรองเขียงกันเสียงดังเกินไป
:: ขั้นตอนการสับยา ::
๑. ปูกระสอบป่านหรือผ้าใบบนโต๊ะสับยา
๒. วางถาดลงบนกระสอบป่านหรือผ้าใบ
๓. วางเขียงลงในถาด โดยใช้ผ้านวมหรือแผ่นยางรองใต้เขียง
๔. นำชิ้นยาสมุนไพรมาสับตามขนาดที่ต้องการ ระวังอย่าให้ยากระเด็นออกนอกถาด หรือนอกแนวผ้าใบ
:: การเก็บยา ::
๑. นำยาที่สับแล้วไปใส่ลงตามลิ้นชักที่มีชื่อยานั้นๆ หรือนำไปอบให้แห้ง
๒. นำยาที่สับได้ใส่ปีบหรือถุงสำรองยา เขียนชื่อ และวันที่ติดให้เรียบร้อย ล้าง เช็ดอุปกรณ์การสับยาให้เรียบร้อย ผึ่งให้แห้ง แล้วนำเก็บเข้าที่

 
:: การอบยา ::
   เป็นการทำให้ยาแห้งสนิท ป้องกันเชื้อรา และฆ่าเชื้อโรค ตัวยาที่จะนำมาอบ ควรเป็นตัวยาที่ไม่ระเหย หรือเปลี่ยนสภาพเมื่อถูกความร้อน เช่น พิมเสน การบูร เมลทอล ยางไม้ เป็นต้น ยาที่จะนำมาอบ อาจเป็นยาเดี่ยวๆ หรือยาตำรับก็ได
:: ขั้นตอนการอบยา ::
๑. นำตัวยาที่จะอบใส่ลงในถาดอบยา อย่าให้อัดทับกันแน่นหรือหนามากเกินไป
๒. เขียนชื่อยาหรือตัวยา, น้ำหนักยา, วัน/เดือน/ปี, หมายเลขถาดยา ติดข้างถาด
๓. นำถาดยาเข้าตู้อบเรียงตามลำดับเลขที่
๔. บันทึกรายชื่อยาขนานต่างๆ หรือ ตัวยาที่นำเข้าตู้อบ

 
:: การบดยา ::
   ยาที่จะนำมาบดจะต้องย่อยเป็นชิ้นขนาดเล็กเสียก่อน
:: ขั้นตอนการบดยา ::
๑. นำยาที่ย่อยและอบแล้วใส่ลงไปในเครื่อง ๑/๔ ของความจุของเครื่อง เช่น เครื่องบดได้ ๒ ก.ก. ก็ใส่ตัวยาลงไป ๕๐๐ กรัม เป็นต้น
๒. บดยาครั้งที่ ๑ ใช้เวลานาน ๑/๒ ชั่วโมง หยุดเครื่อง
๓. ใส่ตัวยาที่เหลือลงไปให้เต็มตามขนาดจุของเครื่อง
๔. เขียนชื่อยา น้ำหนักยาก่อนบด เวลาเริ่มบด ปิดไว้บนฝาเครื่องบดยา
๕. เดินเครื่องบดยานาน ๓ ชั่วโมง หยุดเครื่อง
๖. เมื่อบดยาเสร็จแล้ว ตักยาออกใส่ภาชนะเตรียมร่อนยาต่อไป
๗. ยาที่ร่อนแล้วเอากากมาบดอีก เป็นครั้งที่ ๒ บดนาน ๓ ชั่วโมง
๘. เมื่อบดยาเสร็จแล้ว เช็ดทำความสะอาดเครื่องบดยา ด้วยผ้าชุบน้ำให้ทั่ว แล้วเช็ดด้วยผ้า เป่าลมให้แห้งและไล่ฝุ่นผงตามซอกต่างๆ ปิดฝาเครื่อง


:: การร่อนยา ::
   เป็นการนำเอายาที่บดแล้วมาร่อนด้วยตะแกรงหรือแร่ง เอาเฉพาะยาส่วนที่ละเอียดตามที่ต้องการ การร่อนยา อาจใช้เครื่อง หรือร่อนยาด้วยมือก็ได้ ตามแต่ปริมาณของงานที่ทำ ตะแกรงร่อนยาที่นิยมใช้กันมีอยู่ ๓ ขนาด คือ
๑. เบอร์ ๑๐๐ จะได้ผงยาที่ละเอียด
๒. เบอร์ ๘๐ ได้ผงยาขนาดปานกลาง
๓. เบอร์ ๖๐ ได้ผงยาหยาบ
ที่ใช้ประจำคือ เบอร์ ๑๐๐ และ เบอร์ ๘๐
:: ขั้นตอนการร่อนยา ::
๑. นำยาที่บดแล้วมาใส่ลงในตะแกรงร่อนยาตามขนาดที่ต้องการ
๒. ชั่งเนื้อยาที่ร่อนได้ และกากยาที่เหลือ แยกใส่ถุงมัดให้แน่น
๓. เขียนชื่อยา น้ำหนัก วัน/เดือน/ปี และชื่อผู้ร่อนยา ปิดไว้ที่ข้างถุง

:: การดูแลรักษาตะแกรงร่อนยา ::
๑. ใช้แปรงปัดทำความสะอาดตามตะแกรงและขอบตะแกรง
๒. ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตะแกรงและขอบตะแกรง แล้วเช็ดหรือเป่าลมให้แห้งสนิท
๓. ใช้เกรียงโป๊วขูดตะแกรงเบาๆ และใช้แหนบถอนเอาเสี้ยนยาออกให้หมด
๔. เก็บตะแกรงร่อนยาเข้าตู้

:: การดูแลรักษาเครื่องร่อนยา ::
ปัดฝุ่นผง เช็ดเครื่องร่อนยาด้วยผ้าชุบน้ำ เป่าลมให้แห้งสนิท ปิดฝาเครื่อง


:: การทำยาลูกกลอน ::
   ยาลูกกลอนเป็นรูปแบบของการทำยาแผนโบราณ มีลักษณะเป็นเม็ดกลม ทำมาจากผงยาสมุนไพรผสมกับกระสายยา นิยมใช้น้ำผึ้งเป็นกระสายยาปั้นลูกกลอน เพราะน้ำผึ้งทำให้การจับเม็ดได้ดี แตกตัวช้า ออกฤทธิ์ได้นาน ช่วยบำรุงร่างกายผู้ป่วย และช่วยให้รสยาดีขึ้น นอกจากใช้น้ำผึ้งแล้ว
ยังสามารถใช้สารยึดเหนี่ยวอื่นๆ ได้
:: การทำยาลูกกลอนน้ำผึ้ง ::
๑. การเคี่ยวน้ำผึ้ง เพื่อไล่น้ำออกจากน้ำผึ้ง ทำให้เหนียว เม็ดยาจับกันแน่น
  ๑.๑ ตวงน้ำผึ้งหนักเท่ากับน้ำหนักของยาผงที่จะใช้ทำลูกกลอนโดยประมาณ หากยาผงประกอบด้วยเกลือ ยาดำ มหาหิงค์ ก็ใช้น้ำผึ้งน้อยลงไป ใส่ลงในหม้อ
  ๑.๒ นำหม้อน้ำผึ้งไปตั้งไฟเคี่ยวด้วยไฟแรง คนไปเรื่อยๆ จนฟองเดือดเล็กลง ใช้เวลาประมาณ ๑๐-๑๕ นาที ทดลองนำน้ำผึ้งมาหยดลงในน้ำ ถ้าน้ำผึ้งรวมเป็นก้อนแข็งจึงจะใช้ได้ ถ้ายังเหนียวไม่แข็ง ก็เคี่ยวต่อไป ทดลองทำใหม่ จนได้ที่ดี
  ๑.๓ เติมน้ำสะอาดปริมาณเท่ากับน้ำผึ้งในตอนแรกลงไปเคี่ยวต่อ แล้วลองหยดน้ำผึ้งลงในน้ำ ถ้าน้ำผึ้งจับตัวแข็งเป็นก้อนก็ยกลงจากเตา
  ๑.๔ กรองน้ำผึ้งที่เคี่ยวแล้วด้วยผ้ากรอง ในขณะที่ยังร้อนอยู่ และคนต่อไปจนกว่าน้ำผึ้งจะเย็น เป็นอันเสร็จการเคี่ยวน้ำผึ้ง
๒. การผสมน้ำผึ้งกับผงยา
  ๒.๑ ชั่งผงยาที่จะทำเม็ดเทลงในกาละมังที่แห้งสะอาด
  ๒.๒ ตักน้ำผึ้งที่เคี่ยวแล้ว เทราดลงบนผงยาทีละทัพพี คลุกเคล้าให้เข้ากับน้ำผึ้งไปเรื่อยๆ จนเนื้อยาเข้ากันดี ทดลองปั้นเม็ดด้วยมือ หากได้ที่ดี ยาจะไม่ติดมือ บีบเม็ดยาดูจะไม่แตกร่วน การคลุกเคล้ายาทำด้วยมือ ควรสวมถุงมือ ถ้ามือไม่แห้ง จะทำให้ยาเกิดเชื้อราได้ง่าย

:: การปั้นลูกกลอน ::
๑. การทำลูกกลอนด้วยเครื่องปั้นลูกกลอน
   เครื่องมือและอุปกรณ์
    ๑. เครื่องปั้นลูกกลอน
    ๒. เครื่องรีดเส้น
    ๓. ถาดใส่เส้นยาและเม็ดยาสำเร็จ
    ๔. แปรงทองเหลือง สำหรับขจัดยาที่ติดเครื่องรีดเส้น
    ๕. กาต้มน้ำขนาดใหญ่ สำหรับต้มน้ำล้างเครื่องทำยา
  การเตรียมเครื่องมือ
    ๑. ทำความสะอาดเครื่องปั้นลูกกลอนและเครื่องรีดเส้นยา โดยใช้น้ำร้อนเดือดเทราดลงในเครื่อง เอากาละมังรองน้ำทิ้ง เช็ดให้แห้ง แล้วเช็ดด้วยแอลกอฮอล์
    ๒. เตรียมถาดมาวางเพื่อรองรับเส้นยา และ ลูกกลอน
  การผลิต
    ๑. นำยาที่ผสมกับน้ำผึ้งแล้ว ใส่ลงในเครื่องรีดเส้น ๑-๒ ครั้ง เพื่อให้เนื้อยาแน่นและเรียบ ใช้มีดตัดเส้นยาที่รีดออกจากเครื่องให้มีขนาดยาวพอดีกับความกว้างของเครื่องทำเม็ดลูกกลอน
    ๒. เปิดเครื่องทำลูกกลอน นำเส้นยาไปวางขวางบนเครื่องทำเม็ด เส้นยาจะถูกตัดออกกลิ้งให้เป็นเม็ดกลมๆ ตกลงไปบนถาดรับเม็ดยา
    ๓. คัดเม็ดยาที่ไม่ได้ขนาดออก นำเม็ดยาที่ได้ไปแต่งเม็ดในถังเคลือบเม็ดยา เปิดเครื่องหมุนถังเคลือบเม็ดยา จนได้เม็ดยากลมเรียบดี
    ๔. นำเม็ดยาใส่ถาดอย่าให้ทับกันหนามากเกินไป นำเข้าเครื่องอบยาที่อุณหภูมิ ๕๐-๕๕ องศาเซลเซียส นาน ๔-๖ ชั่วโมง จนยาแห้งสนิทดี ทิ้งไว้ให้เย็น
    ๕. บรรจุยาใส่ขวดหรือถุงปิดให้สนิทเพื่อป้องกันความชื้น
๒. การทำลูกกลอนด้วยรางกลิ้งยา
  เครื่องมือและอุปกรณ์
    ๑. รางกลิ้งยาและฝาประกบ
    ๒. ถาดใส่เส้นยาและเม็ดยา
    ๓. น้ำมันพืชหรือน้ำมันที่ไม่มีกลิ่น
    ๔. ชามขนาดกลาง ๒ ใบ
    ๕. ผ้าสะอาด
    ๖. กาต้มน้ำขนาดใหญ่
    ๗. โต๊ะวางรางกลิ้งยา
  การเตรียมเครื่องมือ
    ๑. ล้างทำความสะอาดรางกลิ้งยาและฝาประกบ โดยราดน้ำร้อนแล้วเช็ดให้แห้ง และเช็ดด้วยแอลกอฮอล์อีกครั้งหนึ่ง ทิ้งไว้ให้แห้งสนิทก่อนนำมาใช้กลิ้งยา
    ๒. วางรางกลิ้งยาบนโต๊ะ จัดวางถาดรับเม็ดยาท้ายรางกลิ้งยา
    ๓. เทน้ำสุกใส่ชาม ครึ่งชาม และเทน้ำมันพืชลงไปอีก ๑/๔ ของชาม นำผ้าสะอาดผืนเล็กๆ ชุบน้ำสุก แล้วบิดให้หมาด นำมาแช่ลงในชามน้ำผสมน้ำมัน เพื่อไว้เช็ดรางยาเมื่อยาเริ่มจะติดราง

:: การกลิ้งยาลูกกลอน ::
๑. นำยาที่ผสมกับน้ำผึ้ง มารีดเป็นเส้น หรือคลึงด้วยมือให้ได้ขนาดเท่ากับร่องของรางกลิ้งยา ตัดขนาดยาวเท่าความกว้างของรางกลิ้งยา
๒. นำเส้นยามาวางขวางบนรางกลิ้งยา นำฝาประกบมาวางทับลงบนเส้นยา เลื่อนฝาประกบไปมาค่อยๆ ลงน้ำหนักกดฝาประกบลงไป จนฝาประกบและรางกลิ้งยาชิดกัน แล้วกลิ้งไปมาอีก ๓-๔ ครั้งจนยาเป็นเม็ดดีแล้ว จึงดันฝาประกบไปข้างหน้า เพื่อทำให้เม็ดยาตกลงไปในถาดรับเม็ดยา
๓. เมื่อกลิ้งยาไปหลายๆ ครั้งจนยาเริ่มจะติดราง ผิวเม็ดยาเริ่มหยาบ ให้เอาผ้าชุบน้ำผสมน้ำมัน บิดพอหมาดๆ เช็ดรางกลิ้งยา ไม่ควรถูไปมาสวนทางกัน
๔. เมื่อได้เม็ดยาตามต้องการ นำเม็ดยาใส่ถาด นำเข้าเครื่องอบยาที่อุณหภูมิ ๕๐-๕๕ องศาเซลเซียส นาน ๔-๖ ชั่วโมง จนยาแห้งสนิทดี ทิ้งไว้ให้เย็น
๕. บรรจุยาใส่ขวดหรือถุงปิดให้สนิทเพื่อป้องกันความชื้น

:: สาเหตุที่ทำให้ยาไม่เป็นเม็ดหรือได้เม็ดไม่สวย ::
๑. ใส่น้ำผึ้งน้อยเกินไป ทำให้เส้นยาแห้งปละแข็ง
๒. ใส่น้ำผึ้งมากเกินไป ทำให้ยานิ่มไม่เป็นเม็ด
๓. เส้นยาเล็กกว่าร่อง ทำให้ยาไม่เต็มเม็ด หรือมีร่องกลางเม็ด
๔. ใช้แรงกดฝาประกบแรงเกินไปทำให้เส้นยาแบน ไม่เป็นเม็ด
๕. เช็ดรางยาเปียกโชคเกินไป ทำให้ผิวเม็ดยาเปียกหลุดติดรางยา
    นอกจากจะใช้เครื่องปั้นลูกกลอนและรางกลิ้งยาแล้ว ยังสามารถปั้นเม็ดทีละเม็ดด้วยมือก็ได้ แต่ทำได้ช้าและดูไม่ค่อยสะอาด ไม่เหมาะสำหรับการทำยาทีละมากๆ ได้ขนาดไม่สม่ำเสมอ ส่วนมากนิยมใช้ปั้นยาลูกกลอนตามแบบโบราณ คือใช้น้ำผึ้งสดๆ มาผสมปั้นเม็ด ทำเก็บไว้รับประทานได้ไม่เกิน ๒-๓ วัน แล้วทำใหม่อีก ถ้าทำทิ้งไว้นานจะเสียและเกิดรา เหมาะสำหรับทำรับประทานเอง



 :: การทำยาเม็ดพิมพ์มือ ::
 
 :: เครื่องมือและอุปกรณ์ ::
๑. เครื่องพิมพ์เม็ดยาด้วยมือ (แม่พิมพ์ทองเหลือง)
๒. กระจกใส ๑ x ๑ ฟุต
๓. ถาดใส่เม็ดยา
๔. แป้งมัน
:: การเตรียมเครื่องมือ ::
ล้างแม่พิมพ์ทองเหลืองด้วยน้ำร้อน และล้างกระจกให้สะอาด เช็ดให้แห้ง แล้วเช็ดด้วยแอลกอฮอล์อีกครั้งหนึ่ง ทิ้งให้แห้งสนิทก่อนนำมาพิมพ์เม็ดยา

:: วิธีทำ ::
๑. กวนแป้งมันทำเป็นแป้งเปียกใสๆ ปริมาณพอเหมาะกับยาผง
๒. เอายาผงใส่กาละมัง เทแป้งเปียกลงคลุกเคล้ากันทีละน้อยๆ จนเข้ากันดี
๓. นำยาที่ผสมแล้ว มาแผ่ลงบนกระจก หนาตามความต้องการ
๔. นำแม่พิมพ์ทองเหลืองมากดลงบนแผ่นยา
๕. กดเอาเม็ดยาออกจากแม่พิมพ์ใส่ลงในถาด
๖. นำเข้าเครื่องอบยาที่อุณหภูมิ ๕๐-๕๕ องศาเซลเซียส นาน ๔-๖ ชั่วโมง จนยาแห้งสนิทดี ทิ้งไว้ให้เย็น
๗. บรรจุยาใส่ขวดหรือถุงปิดให้สนิทเพื่อป้องกันความชื้น



 :: การตอกเม็ดยา ::
  :: วิธีทำ ::
วัตถุส่วนประกอบ
๑. ผงยา ๒๐๐๐ กรัม
๒. แป้งมัน ๑๐๐ กรัม
๓. แป้งเปียก ๑๐ % ๑๕๐ กรัม
๔. ผงทัลคัม ๗๐ กรัม
๕. แมกนีเซียม สเตียเรต ๖๐ กรัม
:: ขั้นตอนการทำงาน ::
๑. นำผงยาและแป้งมัน ในข้อ ๑ และ ๒ ซึ่งร่อนดีแล้ว มาผสมให้เข้ากันดี
๒. นำแป้งมันตามข้อ ๓ เติมน้ำ ๑๕๐๐ กรัม กวนเป็นแป้งเปียก ๑๐ %
๓. ผสมแป้งเปียกกับผงยาที่ผสมแป้งมันแล้ว ไปผ่านแร่งเบอร์ ๑๔ นำแกรนูลที่ได้ไปอบที่อุณหภูมิ ๕๐-๕๕ องศาเซลเซียส นำยามาผ่านแร่งเบอร์ ๑๘
๔. ผสมผงยาที่ได้กับทัลคัมและแมกนีเซียมสเตียเรต ตามข้อ ๔ และ ๕
๕. นำผงยาที่ได้ไปตอกเม็ด ควบคุมน้ำหนักเม็ดยาให้ได้มาตรฐาน
๖. นำเม็ดยาไปอบที่อุณหภูมิ ๕๐-๕๕ องศาเซลเซียส นาน ๔-๖ ชั่วโมง
๗. ทดสอบการแตกตัวของเม็ดยา ไม่ควรเกิน ๓๐ นาที


 :: การเคลือบยาเม็ดด้วยน้ำตาล ::
 :: วัตถุประสงค์ของการเคลือบเม็ดยา ::
๑. เพื่อกลบรส กลิ่น และสีของยา ทำให้ยาน่ารับประทานยิ่งขึ้น
๒. ป้องกันไม่ให้สารสำคัญเสื่อมสลายเร็ว
๓. ทำให้สะดวกในการกลืนยา
๔. ควบคุมการออกฤทธิ์ของยาที่มีการระคายเคือง หรือใช้ในยาที่ต้องการให้ไปออกฤทธิ์ในส่วนลำไส้ เช่น ยาแก้ริดสีดวงทวาร เป็นต้น
:: วัสดุอุปกรณ์ ::
๑. แป้งทัลคัม  ๒. น้ำตาลทราย  ๓.น้ำ  ๔. กัมอาคาเซีย  ๕. แชลแล็ค  ๖. แอลกอฮอล์  ๗. ขี้ผึ้งคานูบา  ๘. ขี้ผึ้งขาว  ๙. คาร์บอนเตทตระคลอไรด์  ๑๐. สีผสมอาหาร  ๑๑. เครื่องเคลือบเม็ดยา  ๑๒. เครื่องขัดเงาเม็ดยา

:: ขั้นตอนการเคลือบเม็ดยา ::
๑. นำยาลูกกลอนที่แห้งดีแล้วใส่ในเครื่องเคลือบเม็ดยา ละลายแชลแล็ค ๔ ส่วน ด้วยแอลกอฮอล์ ๖ ส่วน เทลงในถังเคลือบเม็ดยาที่กำลังหมุน ใช้ลมเย็นเป่าจนแชลแล็คแห้งดีแล้วคัดเม็ดยาที่ติดกันออก ทำซ้ำ ๑-๒ ครั้ง
๒. ทำน้ำแป้งทัลคัม โดยใช้แป้งทัลคัม ๒๐-๓๕%, กัมอาคาเซีย๕-๑๐%, น้ำตาล ๔๐-๕๐%, น้ำ ๒๐-๓๐% ต้มให้ละลายเป็นเนื้อเดียวกัน
๓. นำเม็ดยาที่ได้จากข้อ ๑ ใส่ลงในถังเคลือบเม็ดยา เดินเครื่องแล้ว เทน้ำแป้งทัลคัมลงไป พร้อมกับโรยแป้งทัลคัม ใช้ลมร้อนอุณหภูมิ ๖๐-๗๐ องศาเซลเซียส เป่าเม็ดยา เมื่อแห้งดีแล้ว แยกเอาเม็ดยาที่ติดกันออก ทำซ้ำ ๘-๑๐ ครั้ง จนเม็ดยาเป็นสีขาว
๔. เคลือบสีรองพื้น โดยนำสีเพียงเล็กน้อยมาผสมน้ำแป้งทัลคัม เทลงในถังเคลือบเม็ดยาในขณะเดินเครื่อง เป่าให้แห้ง แล้วทำซ้ำ ๓-๔ ครั้ง
๕. เคลือบสี โดยใช้น้ำตาล ๒ ส่วน กับน้ำ ๑ ส่วน ทำเป็นน้ำเชื่อม เติมสีตามความต้องการ นำไปเคลือบซ้ำบนเม็ดยา จนได้สีตามต้องการ
๖. เคลือบเงา โดยใช้ ขี้ผึ้งคานูบา ๔๐ ส่วน ผสมขี้ผึ้งขาว ๔ ส่วน ละลายในคาร์บอนเตทตระคลอไรด์ ๙๕% นำมาใส่ในเครื่องเคลือบเม็ดยา
๗. นำเม็ดยามาขัดเงาด้วยเครื่องขัดเงาจนสวยงามตามต้องการ



:: การสุมยา ::
:: ขั้นตอนการสุมยา ::
๑. นำตัวยาที่จะสุม มาสับเป็นชิ้นเป็นท่อนขนาดพอเหมาะ ใส่ลงในหม้อดินใหม่
๒. นำดินสอพองมาบดผสมน้ำพอข้นๆ โป๊วยาแนวฝาหม้อให้สนิท
๓. นำไปสุมไฟตามกรรมวิธีของการสตุหรือฆ่าฤทธิ์ของตัวยานั้นๆ เช่น หัวงูเห่าหรือสมุนไพรที่มีพิษ สุมด้วยไฟแกลบทั้งคืน, ตัวยาอื่นๆ อาจสุมด้วยฟืนหรือถ่านได้
๔. เมื่อสุมจนตัวยากลายเป็นถ่านหมดทั่วกันแล้ว ทิ้งไว้ให้เย็น จึงนำไปผสมยา